วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2559

คำอธิบายรายวิชา

คำอธิบายรายวิชา
(รายวิชาเพิ่มเติม)
รายวิชา สร้างสรรค์หนังสืออิเล็คทรอนิกส์  รหัสวิชา ง30257 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6  ภาคเรียนที่  -                  เวลา  40  ชั่วโมง/ภาคเรียน  1.0  หน่วยกิต


         ศึกษาความรู้เกี่ยวกับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ความหมาย และประเภทของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ โปรแกรมสำหรับสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หลักการออกแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่ดี
          ปฏิบัติการใช้โปรแกรมสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ การออกแบบการนำเสนอสื่ออิเล็กทรอนิกส์ การจัดทำข้อความ การใส่รูปภาพและจัดแต่งรูปภาพ การใส่ภาพเคลื่อนไหว การใส่เสียง การสร้างแบบทดสอบ การออกแบบปก CD การทำ Album ภาพ การทำชั้นหนังสือ การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
        เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถใช้เทคโนโลยีในการสร้างชิ้นงานหนังสืออิเล็กทรอนิกส์จากจินตนาการ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันอย่างมีจิตสำนึกและรับผิดชอบhttp://www.nci.go.th/th/Knowledge/whatis.html

ผลการเรียนรู้

ผลการเรียนรู้
(รายวิชาเพิ่มเติม)
รายวิชา สร้างสรรค์หนังสืออิเล็คทรอนิกส์  รหัสวิชา ง30257 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6  ภาคเรียนที่  -                    เวลา  40  ชั่วโมง/ภาคเรียน  1.0  หน่วยกิต


1. ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
2. ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโปรแกรมสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
3. ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการออกแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์และสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
เบื้องต้น
4. ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการตกแต่งหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ให้สวยงาม
5. ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนำเสนอหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบ CD
6. ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในทางสร้างสรรค์ อย่างมีจิตสำนึก และรับผิดชอบ


แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน


http://gg.gg/44mei

หน่วยที่ 1 เรื่อง ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์

ความหมายของหนังสืออิเล็กส์ทรอนิกส์   
          หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Book ย่อมาจากคำว่า electronic book หมายถึง หนังสือที่สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ มีลักษณะคล้ายหนังสือจริง สามารถเปิดอ่านได้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ และมีลักษณะพิเศษคือสามารถสื่อสารกับผู้อ่าน ในลักษณะของมัลติมีเดียได้ ได้แก่ ข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียง  แต่ยังคงรักษารูปแบบความเป็นหนังสือไว้ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หรือลักษณะการเปิดอ่าน

คุณสมบัติของหนังสืออิเล็กส์ทรอนิกส์  
          คุณลักษณะของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถเชื่อมโยงจุดไปยังส่วนต่างๆ ของหนังสือ เว็บไซต์ต่างๆตลอดจนมีปฏิสัมพันธ์และโต้ตอบกับผู้เรียนได้  นอกจากนั้นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถแทรก ภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว แบบทดสอบ และสามารถสั่งพิมพ์เอกสารที่ต้องการออกทางเครื่องพิมพ์ได้ อีกประการหนึ่ง  ที่สำคัญก็คือ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยได้ ตลอดเวลา ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้จะไม่มีในหนังสือธรรมดาทั่วไป

วิวัฒนาการของหนังสืออิเล็กส์ทรอนิกส์  
          ความคิดเกี่ยวกับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์มีมาภายหลังปี ค.. 1940 ซึ่งปรากฏในนิยายวิทยาศาสตร์เรื่องหนึ่ง เป็นหลักการใหม่ของคอมพิวเตอร์ตามแบบแผน IBM มีผลิตภัณฑ์คือ Book Master เนื้อหาหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ในปี 1980 และก่อน 1990 ในช่วงแรกมี 2 ส่วน คือ เรื่องเกี่ยวกับคู่มืออ้างอิงและการศึกษาบันเทิง งานที่เกี่ยวกับการอ้างอิง มักจะเกี่ยวกับเรื่องการผลิตและการเผยแพร่เอกสารทางวิชาการพร้อมๆ กันกับการผลิตที่ ซับซ้อน เช่น Silicon Graphics ด้วยข้อจำกัดทางเทคโนโลยีที่ห่างไกลความจริง เช่น มีปัญหาของจอภาพซึ่งมี ขนาดเล็กอ่านยาก แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานสั้น ไม่มีการป้องกันข้อมูลซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธิ์ ต่อมาเทคโนโลยีแล็บท็อปคอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีส่วนช่วยให้ E-Book มีการรุดหน้าเร็วขึ้นจนสามารถ บรรลุผลในการเป็นหนังสือที่สมบูรณ์แบบ เพราะได้นำบางส่วนของแล็บท็อปมาประยุกต์ใช้จนทำ ให้ E-Book มี คุณภาพและประสิทธิภาพที่ดีได้  นอกจากนี้ Internet ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายน้อย ไม่ต้องมีอุปกรณ์ที่จะใช้เก็บข้อมูล สามารถส่งข้อมูลได้คราวละมากๆ มีการป้องกันข้อมูล (Encryption) ในการพัฒนา E-Book จะมุ่งไปที่ความบางเบาและสามารถพิมพ์ทุกอย่างได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ให้เหมือนกระดาษจริงมากที่สุด
 ประเภทของหนังสือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์                       
          หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ แบ่งออกเป็น 10 ประเภท ดังนี้คือ
          1) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือแบบตำรา (Textbook) หนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ รูปหนังสือปกติ
ที่พบเห็นทั่วไป หลักหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ชนิดนี้สามารถกล่าวได้ว่าเป็นการแปลงหนังสือจากสภาพสิ่งพิมพ์ปกติเป็นสัญญาณดิจิตอล เพิ่มศักยภาพเดิมการนำเสนอ การปฏิสัมพันธ์ ระหว่างผู้อ่านหนังสืออีเล็กทรอนิกส์ ด้วยศักยภาพของคอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐาน เช่น การเปิดหน้าหนังสือ การสืบค้น การคัดเลือก เป็นต้น
          2) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสือเสียงอ่าน มีเสียงคำอ่าน เมื่อเปิดหนังสือจะมีเสียง
อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประเภทเหมาะสำหรับหนังสือเด็กเริ่มเรียน หรือหนังสือฝึกออกเสียง หรือ ฝึกพูด (Talking Book ) เป็นต้น หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ชนิดนี้เป็นการเน้นคุณลักษณะด้านการนำเสนอเนื้อหาที่เป็นตัวอักษรและเสียงเป็นคุณลักษณะหลัก นิยมใช้กับกลุ่มผู้อ่านที่มีระดับลักษณะทางภาษาโดยเฉพาะด้านการฟังหรือการอ่านค่อนข้างต่ำ เหมาะสำหรับการเริ่มต้นเรียนภาษาของเด็กๆ หรือผู้ที่กำลังฝึกภาษาที่สอง หรือฝึกภาษาใหม่เป็นต้น
          3) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสือภาพนิ่ง หรืออัลบั้มภาพ (static Picture Book)
เป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ที่มีคุณลักษณะหลักเน้นจัดเก็บข้อมูล และนำเสนอข้อมูลในรูปแบบภาพนิ่ง
(static picture) หรืออัลบั้มภาพเป็นหลัก เสริมด้วยการนำศักยภาพของคอมพิวเตอร์มาใช้ในการนำเสนอ
เช่น การเลือกภาพที่ต้องการ การขยายหรือย่อขนาดของภาพของคอมพิวเตอร์มาใช้ในการนำเสนอ เช่น
การเลือกภาพที่ต้องการ การขยายหรือย่อขนาดของภาพหรือตัวอักษร การสำเนาหรือการถ่ายโอนภาพ
การแต่งเติมภาพ การเลือกเฉพาะส่วนของภาพ (cropping) หรือเพิ่มข้อมูล เชื่อมโยงภายใน (Linking information) เช่น เชื่อมข้อมูลอธิบายเพิ่มเติม เชื่อมข้อมูลเสียงประกอบ เป็นต้น
          4) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสือภาพเคลื่อนไหว (Moving Picture Book)
เป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่เน้น การนำเสนอข้อมูลในรูปแบบภาพวีดีทัศน์ (Video Clips) หรือภาพยนตร์สั้น ๆ (Films Clips) ผนวกกับข้อมูลสนเทศที่อยู่ในรูปตัวหนังสือ (Text Information) ผู้อ่านสามารถเลือกชมศึกษาข้อมูลได้ ส่วนใหญ่นิยมนำเสนอข้อมูลเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ หรือเหตุการณ์สำคัญ เช่น ภาพเหตุการณ์สงครามโลก ภาพการกล่าวสุนทรพจน์ของบุคคลสำคัญๆ ของโลกในโอกาสต่างๆ ภาพเหตุการณ์ความสำเร็จหรือสูญเสียของโลกเป็นต้น
          5) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสือสื่อประสม (Multimedia Book) เป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่เน้นเสนอข้อมูลเนื้อหาสาระ ในลักษณะแบบสื่อประสมระหว่างสื่อภาพ (Visual Media) เป็นทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวกับสื่อประเภทเสียง (Audio Media) ในลักษณะต่าง ๆ ผนวกกับศักยภาพของคอมพิวเตอร์อื่นเช่นเดียวกับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่กล่าวมาแล้ว
          6) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสือสื่อหลากหลาย (Polymedia book) เป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีลักษณะเช่นเดียวกับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบสื่อประสม แต่มีความหลากหลายในคุณลักษณะด้านความเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลภายในเล่มที่บันทึกในลักษณะต่าง ๆ เช่น ตัวหนังสือภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียงดนตรี และอื่นๆ เป็นต้น
          7) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสือเชื่อมโยง ( Hypermedia Book) เป็นหนังสือที่มีคุณลักษณะสามารถเชื่อมโยงเนื้อหาสาระภายในเล่ม (Internal Information Linking) ซึ่งผู้อ่านสามารถคลิกเพื่อเชื่อมไปสู่เนื้อหาสาระที่ออกแบบเชื่อมโยงกันภายใน การเชื่อมโยงเช่นนี้มีคุณลักษณะเช่นเดียวกับบทเรียนโปรแกรมแบบแตกกิ่ง ( Branching Programmed Instruction) นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมโยงกับแหล่งเอกสารภายนอก (External or Information Sources) เมื่อเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ต
          8) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสืออัจฉริยะ (Intelligent Electronic Book) เป็นหนังสือประสม แต่มีการใช้โปรแกรมชั้นสูงที่สามารถมีปฏิกิริยา หรือ ปฏิสัมพันธ์ กับผู้อ่านเสมือนหนังสือมีสติปัญญา (อัจฉริยะ) ในการไตร่ตรอง หรือคาดคะเนในการโต้ตอบ หรือปฏิกิริยากับผู้อ่าน
          9) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบสื่อหนังสือทางไกล (Telemedia Electronic Book) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประเภทนี้มีคุณลักษณะหลักต่างๆ คล้ายกับ Hypermedia Electronic Books แต่เน้นการเชื่อมโยงกับแหล่งข้อมูลภายนอกผ่านระบบเครือข่าย (Online Information Sourcess) ทั้งที่เป็นเครือข่ายเปิด และเครือข่ายเฉพาะสมาชิกของเครือข่าย
          10) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสือไซเบอร์สเปซ (Cyberspace book) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประเภทนี้มีลักษณะเหมือนกับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์หลายๆ แบบที่กล่าวมาแล้วผสมกัน สามารถเชื่อมโยงแหล่งข้อมูลทั้งจากแหล่งภายในและภายนอกสามารถนำเสนอข้อมูลในระบบสื่อที่หลากหลาย สามารถปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่านได้หลากหลาย 
 ลักษณะของไฟล์หนังสือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์                       
          ผู้ผลิตสามารถเลือกสร้าง E-Books ได้ 4 รูปแบบ คือ
Hyper Text Markup Language (HTML)
Portable Document Format (PDF)
Peanut Markup Language (PML)
Extensive Markup Language (XML)
ซึ่งรายละเอียดของไฟล์แต่ละประเภทจะมีดังนี้
1. HTML : เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูงสุด HTML เป็นภาษามาร์กอัปออกแบบมาเพื่อใช้
ในการสร้างเว็บเพจ หรือข้อมูลอื่นที่เรียกดูผ่านทางเว็บ Browser เริ่มพัฒนาโดย ทิม เบอร์เนอรส์ ลี
(Tim Berners Lee) สำหรับภาษา SGML ในปัจจุบัน HTML เป็นมาตรฐานหนึ่งของ ISO ซึ่งจัดการโดย World Wide Web Consortium (W3C) ในปัจจุบัน ทาง W3C ผลักดัน รูปแบบของ HTML แบบใหม่ที่เรียกว่า XHTML ซึ่งเป็นลักษณะของโครงสร้าง XML แบบหนึ่งที่มีหลักเกณฑ์ในการกำหนดโครงสร้างของโปรแกรมที่มีรูปแบบที่มาตรฐานกว่ามาทดแทนใช้ HTML รุ่น 4.01 ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
          HTMLยังคงเป็นรูปแบบไฟล์อย่างหนึ่ง สำหรับ .html และ สำหรับ .htm ที่ใช้ในระบบปฏิบัติการ
ที่รองรับ รูปแบบนามสกุล 3 ตัวอักษร
          2. PDF : ไฟล์ประเภท PDF หรือ Portable Document Format ถูกพัฒนาโดย Adobe System Inc เพื่อจัดเอกสารให้อยู่ในรูปแบบที่เหมือนเอกสารพร้อมพิมพ์ ไฟล์ประเภทนี้สามารถใช้งานได้ในระบบปฏิบัติการจำนวนมากและรวมถึงอุปกรณ์ E-Book Reader ของ Adobe ด้วยเช่นกัน และยังคงลักษณะเอกสารเหมือนต้นฉบับ เอกสารในรูปแบบ PDF สามารถจัดเก็บ ตัวอักษร รูปภาพ รูปลายเส้น ในลักษณะเป็นหน้าหนังสือ ตั้งแต่หนึ่งหน้า หรือหลายพันหน้าได้ในแฟ้มเดียวกัน PDF เป็นมาตรฐานที่เปิดให้คนอื่นสามารถเขียนโปรแกรมมาท างานร่วมกับ PDF ได้ การใช้งานแฟ้มแบบ PDF เหมาะสมสำหรับงานที่การแสดงผลให้มีลักษณะเดียวกันกับต้นฉบับ ซึ่งแตกต่างกับการใช้งานรูป Browser แบบอื่น เช่น HTML การแสดงผลของ HTML จะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่ใช้ และจะแสดงผลต่างกัน ถ้าใช้คอมพิวเตอร์ต่างกัน
          3. PML : พัฒนาโดย Peanut Press เพื่อใช้สำหรับสร้าง E-Books โดยเฉพาะ อุปกรณ์พกพาต่างๆ ที่สนับสนุนไฟล์ประเภท PML นี้จะสนับสนุนไฟล์นามสกุล .pdb ด้วย 
          4. XML : สำหรับการใช้งานทั่วไป พัฒนาโดย W3C โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็น สิ่งที่เอาไว้ติดต่อกันในระบบที่มีความแตกต่างกัน (เช่น ใช้คอมพิวเตอร์มี่มีระบบปฏิบัติการคนละตัว หรืออาจจะเป็นคนละโปรแกรมประยุกต์ที่มีความต้องการสื่อสารข้อมูลถึงกัน)และเพื่อเป็นพื้นฐานในการสร้างภาษามาร์กอัปเฉพาะทางอีกขั้นหนึ่ง XML พัฒนามาจาก SGML โดยดัดแปลงให้มีความซับซ้อนลดน้อยลง XML ใช้ในแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกัน และเน้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต XMLยังเป็นภาษาพื้นฐานให้กับภาษาอื่นๆ อีกด้วย (ยกตัวอย่างเช่น Geography Markup Language (GML), RDF/XML, RSS, MathML, Physical Markup Language (PML), XHTML, SVG, MusicXML และ cXML) ซึ่งอนุญาตให้โปรแกรมแก้ไขและทำงานกับเอกสารโดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในภาษานั้นมาก่อน

          e-Book Software คือโปรแกรมที่ใช้ในการสร้าง และอ่าน e-Book โดยปกตินิยมทำเป็นโปรแกรมชุดที่ประกอบด้วยโปรแกรมสร้าง (e-Book Editor หรือ e-Book Builder) และโปรแกรมอ่าน (e-Book Reader) แยกจากกันเพื่อความสะดวกและเหมาะสมในการสร้าง และอ่าน e-Book
          โปรแกรมที่นิยมใช้สร้าง e-Book มีอยู่หลายโปรแกรม แต่ที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบันได้แก่
1. โปรแกรมชุด FilpAlbum
2. โปรแกรม DeskTop Author
3. โปรแกรม Flip Flash Album

          ชุดโปรแกรมทั้ง 3 จะต้องติดตั้งโปรแกรมสำหรับอ่าน e-Book ด้วย มิฉะนั้นแล้วจะเปิดเอกสารไม่ได้ ประกอบด้วย
1.1 โปรแกรมชุด FlipAlbum ตัวอ่านคือ FilpViewer  
1.2 โปรแกรมชุด DeskTop Author ตัวอ่านคือ DNL Reader  
1.3 โปรแกรมชุด Flip Flash Album ตัวอ่านคือ Flash Player 
สำหรับบางท่านที่มีความชำนาญในการใช้โปรแกรม Flash Mx ก็สามารถสร้าง e-Book ได้เช่นกันแต่ต้องมีความรู้ในเรื่องการเขียน Script และ XML เพื่อสร้าง e-Book ให้แสดงผลตามที่ต้องการได้

ข้อดีของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ มีข้อดีดังต่อไปนี้
          1. เป็นสื่อที่รวมเอาจุดเด่นของสื่อแบบต่างๆ มารวมอยู่ในสื่อตัวเดียว คือสามารถแสดงภาพ แสง เสียง ภาพเคลื่อนไหว และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้
          2. ช่วยให้ผู้เรียนเกิดพัฒนาการเรียนรู้และเข้าใจเนื้อหาวิชาได้เร็วขึ้น
          3. ครูสามารถใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในการชักจูงผู้เรียนในการอ่าน, การเขียน, การฟังและการพูดได้
          4. มีความสามารถในการออนไลน์ผ่านเครือข่ายและเชื่อมโยง ไปสู่โฮมเพจและเว็บไซต์ ต่างๆ อีกทั้งยังสามารถอ้างอิงในเชิงวิชาการได้
          5. หากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตหรืออินทราเน็ต จะทำให้การกระจายสื่อทำได้อย่างรวดเร็วและกว้างขว้างกว่าสื่อที่อยู่ในรูปสิ่งพิมพ์
          6. สนับสนุนการเรียนการสอนแบบห้องเรียนเสมือน ห้องสมุดเสมือนและห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์
          7. มีลักษณะไม่ตายตัว สามารถแก้ไขปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังสามารถ เชื่อมโยงไปสู่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้โดยใช้ความสามารถของไฮเปอร์เท็กซ์
          8. ในการสอนหรืออบรมนอกสถานที่ การใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์จะช่วยให้เกิดความ คล่องตัวยิ่งขึ้น เนื่องจากสื่อสามารถสร้างเก็บไว้ในแผ่นซีดีได้ ไม่ต้องหอบหิ้วสื่อซึ่งมีจำนวนมาก
          9. การพิมพ์ทำได้รวดเร็วกว่าแบบใช้กระดาษ สามารถทำสำเนาได้เท่าที่ต้องการประหยัด วัสดุ
ในการสร้างสื่อ อีกทั้งยังช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย
          10. มีความทนทานและสะดวกต่อการเก็บบำรุงรักษา ลดปัญหาการจัดเก็บเอกสารย้อนหลัง ซึ่งต้องใช้เนื้อที่หรือบริเวณกว้างกว่าในการจัดเก็บ สามารถรักษาหนังสือหายากและต้นฉบับเขียนไม่ให้เสื่อมคุณภาพ  
          11. ช่วยให้นักวิชาการและนักเขียนสามารถเผยแพร่ผลงานเขียนได้อย่างรวดเร็ว

ข้อจำกัดของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
          ถึงแม้ว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์จะมีข้อดีที่สนับสนุนด้านการเรียนการสอนมากมายแต่ก็ยังมี ข้อจำกัดด้วยดังต่อไปนี้
1. คนไทยส่วนใหญ่ยังคงชินอยู่กับสื่อที่อยู่ในรูปกระดาษมากกว่า อีกทั้งหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ยังไม่สามารถใช้งานได้ง่ายเมื่อเทียบกับสื่อสิ่งพิมพ์ และความสะดวกในการอ่านก็ยังน้อยกว่ามาก
2. หากโปรแกรมสื่อมีขนาดไฟล์ใหญ่มากๆ จะทำให้การเปลี่ยนหน้าจอมีความล่าช้า
3. การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดี ผู้สร้างต้องมีความรู้ และความชำนาญในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์และการสร้างสื่อดีพอสมควร
4. ผู้ใช้สื่ออาจจะไม่ใช่ผู้สร้างสื่อ ฉะนั้นการปรับปรุงสื่อจึงทำได้ยากหากผู้สอนไม่มีความรู้ด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์
5. ใช้เวลาในการออกแบบมากเพราะต้องใช้ทักษะในการออกแบบเป็นอย่างดีเพื่อให้ได้สื่อที่มีคุณภาพ
ความแตกต่างของ E-Book กับหนังสือทั่วไป 
          ความแตกต่างของหนังสือทั้งสองประเภทจะอยู่ที่รูปแบบของการสร้าง การผลิตและการใช้งาน เช่น
1. หนังสือทั่วไปใช้กระดาษ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไม่ใช้กระดาษ
2. หนังสือทั่วไปมีข้อความและภาพประกอบธรรมดา หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถสร้างให้ มีภาพเคลื่อนไหวได้
3. หนังสือทั่วไปไม่มีเสียงประกอบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถใส่เสียงประกอบได้
4. หนังสื่อทั่วไปแก้ไขปรับปรุงได้ยาก หนังสื่ออิเล็กทรอนิกส์สามารถแก้ไขและปรับปรุงข้อมูล ได้ง่าย
5. หนังสือทั่วไปสมบูรณ์ในตัวเอง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถสร้างจุดเชื่อมโยง (links) ออกไปเชื่อมต่อกับข้อมูล ภายนอกได้
6. หนังสือทั่วไปต้นทุนการผลิตสูง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ต้นทุนในการผลิตหนังสือต่ำ
7. หนังสือทั่วไปมีขีดจำกัดในการจัดพิมพ์ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไม่มีขีดจำกัดในการจัดพิมพ์ สามารถทำสำเนาได้ง่าย ไม่จำกัด
8. หนังสือทั่วไปเปิดอ่านจากเล่ม หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ต้องอ่านผ่านคอมพิวเตอร์
9. หนังสือทั่วไปอ่านได้อย่างเดียว หนังสืออิเล็กทรอนิกส์นอกจากอ่านได้แล้วยังสามารถสั่งพิมพ์ (print)ได้
10. หนังสือทั่วไปอ่านได้ 1 คนต่อหนึ่งเล่ม หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ 1 เล่ม สามารถอ่านพร้อม กันได้จำนวนมาก (ออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ต)
11. หนังสือทั่วไปพกพาลำบาก (ต้องใช้พื้นที่) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์พกพาได้สะดวกครั้งละจำนวนมากในรูปแบบของ ไฟล์คอมพิวเตอร์ ใน handy drive หรือ CD
ประโยชน์ของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์                       
          สำหรับผู้­อ่าน
1. ขั้นตอนง่ายในการอ่าน และค้นหาหนังสือ
2. ไม่เปลืองเนื้อที่ในการเก็บหนังสือ
3. อ่านหนังสือได้จากทุกที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
สำหรับห้องสมุด
1. สะดวกในการให้บริการหนังสือ
2. ไม่ต้องใช้สถานที่มากในการจัดเก็บหนังสือ และไม่เสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
3. ลดงานที่เกิดจากการซ่อม จัดเก็บ และการจัดเรียงหนังสือ
4. ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานมาดูแลและซ่อมแซมหนังสือ
5. มีรายงานแสดงการเข้ามาอ่านหนังสือ
            สำหรับสำนักพิมพ์และผู้เขียน
          1. ลดขั้นตอนในการจัดทำหนังสือ
          2. ลดค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงในการจัดพิมพ์หนังสือ
          3. ลดค่าใช้จ่ายในการจัดจำน่ายผ่านช่องทางอื่นๆ
          4. เพิ่มช่องทางในการจำหน่ายหนังสือ
          5. เพิ่มช่องทางในการประชาสัมพันธ์ตรงถึงผู้อ่าน

โครงสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Book Construction)
          ลักษณะโครงสร้างของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์จะมีความคล้ายคลึงกับหนังสือทั่วไป ที่พิมพ์ด้วยกระดาษ หากจะมีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนก็ คือ กระบวนการผลิต รูปแบบ และวิธีการอ่านหนังสือ
          สรุปโครงสร้างทั่วไปของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย
          1. หน้าปก (Front Cover) หมายถึง ปกด้านหน้าของหนังสือซึ่งจะอยู่ส่วนแรก เป็นตัวบ่งบอกว่า หนังสือเล่มนี้ชื่ออะไร ใครเป็นผู้แต่ง
          2. คำนำ (Introduction) หมายถึง คำบอกกล่าวของผู้เขียนเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูล และเรื่องราวต่างๆ ของ หนังสือเล่มนั้น
          3. สารบัญ (Contents) หมาย ถึง ตัวบ่งบอกหัวเรื่องสำคัญที่อยู่ภายในเล่มว่าประกอบด้วยอะไรบ้างอยู่ที่หน้าใดของหนังสือ สามารถเชื่อมโยงไปสู่หน้าต่างๆ ภายในเล่มได้
          4. สาระของหนังสือแต่ละหน้า หมายถึง ส่วนประกอบสำคัญในแต่ละหน้า ที่ปรากฏภายในเล่ม ประกอบด้วย
- หน้าหนังสือ (Page Number)
-ข้อความ (Texts)
-ภาพประกอบ (Graphics) .jpg, .gif, .bmp, .png, .tiff
-เสียง (Sounds) .mp3, .wav, .midi
-ภาพเคลื่อนไหว (Video Clips, flash) .mpeg, .wav, .avi
-จุดเชื่อมโยง (Links)
          5. อ้างอิง หมายถึง แหล่งข้อมูลที่ใช้นำมาอ้างอิง อาจเป็นเอกสาร ตำรา หรือ เว็บไซต์ก็ได้
          6. ดัชนี หมายถึง การระบุคำสำคัญหรือคำหลักต่างๆ ที่อยู่ภายในเล่ม โดยเรียงลำดับตัวอักษร
ให้สะดวกต่อ การค้นหา พร้อมระบุเลขหน้าและจุดเชื่อมโยง
          7. ปกหลัง หมายถึง ปกด้านหลังของหนังสือซึ่งจะอยู่ส่วนท้ายเล่ม




หน่วยที่ 2 เรื่อง รู้จักโปรแกรม Desktop Author

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโปรแกรม Desktop Author

            Desktop สร้างสรรค์สิ่งพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Publishing) ในรูปแบบหนา 
พลิก 3 มิติ(3D Page Turning) ที่เสมือนการเปิดหน้าหนังสือจริง และกำหนดส่วนประกอบได้ ลักษณะเดียวกับหนังสือทั่วไป คือมีปกหน้า สารบัญ เนื้อหาในรูปแบบ ข้อความ รูปภาพ และ นอกจากนี้ยังสามารถที่จะแทรกภาพเคลื่อนไหว ไฟล์ภาพยนตร์Flash Movie และเสียงบรรยาย ลงไปในหนังสือได้โดยผลงานจาก Desktop Author เรียกว่า Digital Web Book (DWB) มี จุดเด่น คือ
          1. ไฟล์ที่ได้มีขนาดเล็ก
2. ลักษณะคล้ายกับหนังสือ สามารถสั่งพิมพ์ในแต่ละหน้าหรือทั้งหมดได้
3. สามารถเผยแพร่ผ่านระบบเครือข่ายได้ง่าย หรือสามารถที่จะส่งไฟล์ผ่านทางจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ ( E-Mail) ได้
นอกจากนี้ยังสามารถนำไปประยุกต์สร้างสื่อสิ่งพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ได้หลากหลาย รูปแบบ
เช่น e-publication including ,e-brochures, e-books, digital photo albums, ecards, digital diaries, online resumes, quizzes, exams, tests, forms, surveys รวมทั้ง Shareware E-Books  
          ความสามารถเด่นของ Desktop Author คืออนุญาตให้ป้อนข้อความ หรือรูปภาพ รวมทั้งสื่อมัลติมีเดียอนุญาตได้เพิ่มเติมด้วยความสามารถ Editable Text/Image/Multimedia ผลงานเป็นได้ทั้งสื่อ Offline ในรูปแบบ .exe สื่อออนไลน์ ์ .html + .dnl ที่มีขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการนำเสนอผ่านเว็บ แต่การเรียกดูจำเป็นต้องติดตั้ง DNL Reader ก่อนจึงจะแสดงผลได้ และ Screen Saver (.scr) สำหรับการรักษาอายุจอภาพคอมพิวเตอร์ด้วยสื่อที่สร้างสรรค์ได้เอง โปรแกรม Desktop Author รุ่นปัจจุบัน คือรุ่น 5.0 โดยจัดจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ http://www.desktopauthor.com/ รวมทั้ง DNL Reader ก็สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ ดังกล่าว

 ความสามารถ Desktop Author 5.0
          1. ผลงานมีขนาดเล็ก และแสดงผลได้ทั้ง Online/Offline
          2. สนับสนุนการนำเข้าเนื้อหาได้ง่าย ด้วยความสามารถวางและจัดเนื้อหาให้เหมาะสม กับขนาดหนังสืออัตโนมัติ
          3. จัดเลย์เอาท์เนื้อหาได้ง่ายด้วยเครื่องมือ Text box
          4. ความสามารถในการโอนข้อมูลขึ้นเว็บด้วยฟังก์ชัน FTP
          5. สร้างสรรค์หนังสือได้หลากหลายรูปแบบตามต้องการ ไม่จำเป็นเฉพาะหนังสือเล่ม สี่เหลี่ยม
          6. รองรับเทคโนโลยีการป้องกันลิขสิทธิ์ด้วยเทคโนโลยีDRM (Digital Rights Management) และระบบ จ่ายเงินออนไลน์ (Payment Gateway)
          7. ฟังก์ชันเติมภาพได้ตลอดเวลา (Editable image) ทำให้สามารถสร้างสรรค์ digital photo albums ที่ผู้ใช้สามารถนำเข้าภาพได้ตามต้องการ
          8. รองรับสื่อ Multimedia ทั้งระบบฝังรวมกับ e-Book หรือ stream Video, Flash และ MP3
          9. ฟังก์ชัน Image Pop Up ทำให้สร้างสื่อเนื้อหาแบบโต้ตอบกับผู้ใช้
          10. สร้างแบบทดสอบ แบบสำรวจได้ด้วย Eazy Forms tool
          11. ผนวกเครื่องมือจัดแต่งภาพพร้อมใช้งาน
          12. เชื่อมโยงไปหาเว็บไซต์เอกสารเพื่อดาวน์โหลด และส่งอีเมล์
          13. กำหนดค่าการแสดงผลหรือพลิกหน้าได้ตามต้องการ
ความต้องการระบบ
          - คอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows98/SE, Windows 2000, Windows 2003 หรือ Windows XP - CPU Celeron 300 Mhz (ขั้นต่ำ)
          - หน่วยความจำ RAM ไม่น้อยกว่า 128MB
          - จอภาพ SVGA Card สีไม่น้อยกว่า 16bit colors
          - พื้นที่ว่างในฮาร์ดดิสก์ 120MB

วิธีการเข้าสู่โปรแกรม Desktop Author
          หลังจากที่ได้ทำการติดตั้งโปรแกรม Desktop Author ลงในคอมพิวเตอร์ เรียบร้อยแล้ว จะมีIcon ของโปรแกรมอยู่ที่ Desktop เราสามารถจะเรียกใช้ได้ โดยดับเบิลคลิก ที่ Icon rหรือจะเรียกใช้จาก  Start ---- > Programs ----> Desktop Autho
 
คุณสมบัติของโปรแกรม Desktop Author
1) ไฟล์มีขนาดเล็ก ช่วยให้ง่ายในการดาวน์โหลด และส่งข้อมูล
2) มีลักษณะคล้ายกับหนังสือซึ่งเป็นรูปแบบที่อ่านแล้วเข้าใจได้ง่าย
3) สามารถสั่งพิมพ์หน้าแต่ละหน้า หรือทั้งหมดของหนังสือได้
4) ผู้ใช้สามารถส่งต่อได้ง่ายโดยการส่งผ่านอีเมล์หรือระบบเครือข่าย
5) สามารถใช้ได้ทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์PC และ Note Book

          ผลงานเป็นได้ทั้งสื่อ Offline ในรูปแบบ .exe สื่อออนไลน์ .html + .dnl ที่มี ขนาดเล็กเหมาะสำหรับการนำเสนอผ่านเว็บไซต์แต่การเรียกดูจำเป็นต้องติดตั้ง DNL Reader ก่อนจึงจะแสดงผลได้และ Screen Saver (.scr) สำหรับการรักษา อายุจอภาพคอมพิวเตอร์ด้วยสื่อที่สร้างสรรค์ได้ด้วยตัวเอง

ส่วนประกอบของโปรแกรม Desktop Author

เมื่อเรียกโปรแกรมขึ้นมาจะพบกับหน้าตาโปรแกรม ดังรูป

ทำความรู้จักกับส่วนประกอบจอภาพ
1.       แถบเครื่องมือหรือ Toolbar ของ Desktop Author จะปรากฏที่ด้านบน ของจอภาพ โดย
ประกอบด้วยปุ่มคำสั่งต่างๆ ดังนี้
ปุ่มจัดการแฟ้มเอกสาร e-Book ประกอบด้วย
          1. New ใช้สำหรับการสร้างงานใหม่
          2. Open ใช้สำหรับเปิดงานที่มีอยู่แล้วเพื่อดูหรือแก้ไข
          3. Save ใช้สำหรับบันทึกไฟล์งานที่ได้ทำขึ้น


ปุ่มเตรียมนำเสนอผลงาน หรือ Package ทั้งนี้รายละเอียดจะนำเสนอในเนื้อหาที่ เกี่ยวข้องต่อไป
          4. Page ใช้สำหรับชมตัวอย่าง (Preview) งานที่ได้ทำขึ้นมา
          5. Package (EXE) ใช้บีบอัดไฟล์งานทั้งหมดที่ทำขึ้นมาให้รวมเป็นไฟล์เดียวโดยมี นามสกุลเป็น .EXE
6. Package (DNL) ใช้บีบอัดไฟล์งานทั้งหมดที่ทำขึ้นมาให้รวมเป็นไฟล์เดียวโดยมี นามสกุลเป็น .DNL สำหรับการทำเว็บไซต์
7. Package (DRM) ใช้ป้องกันไฟล์งานทั้งหมดที่ทำขึ้นมาเพื่อน าเสนอในเว็บไซต์ ไฟล์เดียวโดยมีนามสกุลเป็น .DRM
8. Package (SCR) ใช้ในการทำ Screen Saver
9. Publish ใช้สำหรับใส่ไฟล์DNL ลงในเว็บไซต์
10. Upload ใช้สำหรับ Upload ไฟล์ที่ได้ทำขึ้นเว็บไซต์

ปุ่มเครื่องมือสำหรับสร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบต่างๆ

          11. Multimedia ใช้ในการแทรกไฟล์มัลติมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลง หรือ มิวสิค วีดีโอ หรือภาพยนตร์ สนับสนุน ไฟล์นามสกุล .swf, .wma, .wav เป็นต้น
          12. Eazyform ใช้ในการแทรกคำถาม คำตอบ และเพิ่ม Object ต่างๆลงในงาน
13. Refresh ใช้สำหรับ Refresh งานที่ทำ
14. Properties ใช้ตั้งค่าต่างๆของ งานที่ทำ
15. Template ใช้เลือกรูปแบบต่างๆ ให้กับชิ้นงาน
16. Buttons ใช้เลือกปุ่มต่างๆที่จะให้มีในงานของเรา

Tools และ แถบเครื่องมือของโปรแกรม Desktop  Author
แถบเครื่องมือ(Tools) เป็นแถบเครื่องมือที่ใช้สำหรับการจัดการในหนังสือ ที่ใช้บ่อยๆ ซึ่งปรากฏ เป็นกลุ่มเครื่องมือด้านขวาของจอภาพ แบ่งออกเป็น 5 ส่วน คือ

ส่วนที่ 1 Page เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับการจัดการเกี่ยวกับหน้าของหนังสือ เช่น เพิ่มหน้า ลบหน้า เป็นต้น

ส่วนที่ 2 Insert เป็นกลุ่มเครื่องมือที่ใช้งานเกี่ยวกับการแทรก วัตถุต่าง ๆ เข้ามาไว้ใน หนังสือ เช่น แทรกกล่อง ข้อความ แทรกรูปภาพ เป็นต้น

ส่วนที่ 3 Edit เป็นกลุ่มเครื่องมือที่ใช้เกี่ยวกับการแก้ไขทั้งหมด เช่น การตัด คัดลอก หรือการลบ เป็นต้น

ส่วนที่ 4 Change เป็นกลุ่มเครื่องมือที่ใช้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงค่าต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนจุดเชื่อมโยง การเปลี่ยนรูปภาพ เป็นต้น

ส่วนที่ 5 Colour เป็นกลุ่มเครื่องมือเกี่ยวกับการกำหนดสีและขอบสีเป็นต้น




แถบเครื่องมือที่ใช้ในการจัดวางวัตถุ



หน่วยที่ 3 เรื่อง เริ่มสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์

เตรียมความพร้อมก่อนใช้
          ก่อนสร้างสรรค์ผลงานด้วย Desktop Author ควรปรับแต่งค่าการใช้งานภาษาไทยของ
MS Windows ก่อน เนื่องจากเป็นค่าสำคัญในการพิมพ์หรือสร้างสรรค์e-Book ภาษาไทย
ด้วย Desktop Author การปรับแต่งค่าการใช้ภาษาไทยของ MS Windows ทำได้โดยคลกิปุ่ม
Start แล้วเลือกคำสั่ง Control Panel จากนั้นดับเบิลคลิกที่ไอคอน Regional and Language
Options

ปรับค่า Language และ Location เป็น Thai และ Thailand ตามลำดับ

โฟลเดอร์และไฟล์ประกอบ
          ผลงานจาก Desktop Author มักจะประกอบด้วยไฟล์ประกอบหลากหลายประเภท
หลากหลายไฟล์ดังนั้นเพื่อให้ผลงานออกมาโดยถูกต้อง ไม่มี ปัญหาเกี่ยวกับระบบเชื่อมโยง(Link)
และการนำเสนอผ่านเว็บไซต์ควรจัดเตรียมโฟลเดอร์สำหรับผลงาน 1 โฟลเดอร์ต่อ 1 ผลงาน
และคัดลอกไฟล์ประกอบต่างๆ มาไว้รวมก่อนสร้างผลงาน ไฟล์ประกอบทุกไฟล์ควรกำหนดชื่อให้
เป็นภาษาอังกฤษ หรือผสมตัวเลข ห้ามเว้นวรรค และใช้ได้เฉพาะเครื่องหมาย Dash - หรือ
Underscore _ ภาพประกอบควรย่อขนาดให้เหมาะสมก่อนนำไปใช้งาน โดยพิจารณาจากขนาด
ของ e-Book และกำหนดความละเอียด (Resolution) ของภาพเท่ากับ 72 dpi ในโหมด RGB
เท่านั้น ทั้งนี้ฟอร์แมตไฟล์ภาพที่นำมาใช้ได้คือ .jpg, .gif และ .bmp (ภาพ .bmp สำหรับการทำ
พื้นโปร่งใส)

การกำหนดคุณสมบัติเบื้องต้น

เมื่อเข้าสู่โปรแกรม Desktop Author จะปรากฏจอภาพโปรแกรมดังนี้

           การสร้าง e-Book ใหม่ทำได้โดยคลิกเลือกคำสั่ง File - - > New หรือคลิกปุ่ม New
เพื่อสร้าง e-Book

ปรากฏหน้าต่างกำหนดรายละเอียดคุณสมบัติของหนังสือ( Book Properties) ดังนี้

          กำหนดรายละเอียดของ e-Book ที่ต้องการแล้วคลกิปุ่ม OK โดยรายละเอียดที่สำคัญ
เกี่ยวกับ e-Book ได้แก่
1. Width : ความกว้างของหนังสือ
2. Height : ความสูงของหนังสือ
3. Border Color : สีเส้นขอบของหนังสือ ในที่นี้เลือก No Border คือไม่ใส่ขอบหนังสือ
           4. Paper Colour : เลือกสีของแผ่นกระดาษ
5. Mask Colour : เลือกสีที่ใช้ในการทำรูปให้โปร่งใส
6. Background Colour : สีพื้นหลัง
7. Character Set : เลือกภาษาที่ใช้ให้เลือก THAI
8. Text default left : ความห่างของกล่องข้อความกับขอบกระดาษซ้ายมือ
9. Text default top : ความห่างของกล่องข้อความกับขอบกระดาษด้านบน
10. Text default height : ความสูงของกล่องข้อความ
11. Text default width : ความกว้างของกล่องข้อความ
12. Start with tooltip auto update : เปิดหนังสือพร้อมอัพเดทเครื่องมือ
13. Autostart : เปิดหนังสือโดยให้เปิดหน้าเองอัตโนมัติ
14. Start with background windows : เปิดหนังสือพร้อมฉากหลัง
15. Disable Print Function : จะให้สามารถ print e-book ได้หรือไม่
16. Page Turn : ปรับค่าการเปลี่ยนหน้ากระดาษ
17. Fly speed : ปรับความเร็วในการเปลี่ยนหน้า
18. Start Status : เลือกตั้งค่าให้มีเมนูหรือไม่มีเมนูบนหนังสือ
19. DWB Goto : เลือกการใช้  style ของโปรแกรม
20. Default Unicode Value : เลือกใช้  Unicode พื้นฐาน
21. With/Without Password : เลือกการใส่หรือไม่ใส่  password ให้กับหนังสือ
22. Book Password : ใส่  password กรณีที่ต้องการ
23. Book Backup Files : เลือกตั้งค่าไฟล์  back up ว่าจะให้มีกี่ไฟล์
24. Disable Send Mail Function : ตั้งค่าการส่ง E-mail
25. Disable Save As Function : การบันทึกไฟล์
26. Book Tranparency : ตั้งค่าเกี่ยวกับการโปร่งใส ในการทำปกหนังสือ
27. Book DRM : ตั้งค่าการป้องกันต่างๆ
28. Book Email : ตั้งค่า E-mail สำหรับหนังสือ
29. Book Multimedia : ตั้งค่ามัลติมีเดีย ( version ของ Windows Media Player )

Character Set เลือกเป็น Thai กรณีที่สร้าง e-Book ภาษาไทย ควรคลิก ยกเลิกรายการ Start
with tooltip auto update

เมื่อคลิกปุ่ม  OK จะปรากฏหน้าต่างสร้างผลงาน ดังนี้

การปรับแก้ไขค่ากำหนดของ e-Book สามารถทำได้โดยคลิกคำสั่ง File -- > Book Properties
   
เริ่มสร้างปกหนังสือ

          เมื่อสร้างหนังสือเล่มใหม่และกำหนดคุณสมบัติของแฟ้มหนังสือแล้ว ให้ทำตามขั้นตอน
ต่อไปนี้
1. สร้างโฟลเดอร์ที่จะเก็บข้อมูล e-book ทั้งหมดในคอมพิวเตอร์ในไดร์ฟ : D ก่อนแล้ว
ย้ายข้อมูลที่จะใช้ทั้งหมดลง เก็บไว้อาจสร้างโฟลเดอร์ย่อยอีกเพื่อเก็บไฟล์เสียง ภาพเคลื่อนไหว
รูปภาพ แล้วจึงสร้างเอกสารเปล่าขึ้นมาหนึ่งหน้า กำหนดขนาดเป็น 700x600 pixels
2. แบ่งครึ่งหน้าหนังสือเป็น 2 ส่วนเท่าๆ กัน โดยคลิกที่ไม้บรรทัดด้านบน หากกำหนด
ความกว้างของหนังสือเท่ากับ 700 pixels ให้คลิกที่จุด 350

3. จากนั้นให้คลิกที่เมนูButtons เลือก 3D-spines เพื่อเลือกรูปแบบเส้นแบ่ง หนังสือจะมี
Dialog Box ขึ้นมาให้เลือกรูปแบบของตัวแบ่งหน้ากระดาษให้เลือกหารูปแบบ เส้นแบ่งหน้ากระดาษที่ต้องการ


คลิกที่คำว่า use แล้วคลิกนำเส้นแบ่งหน้ามาวางไว้กึ่งกลางหน้ากระดาษ


การแทรกภาพหน้าปก
1. การแทรกภาพเพื่อทำปกหน้า ให้คลิกที่ กล่องเครื่องมือ Insert แล้วเลือก Insert image

2. เลือกรูปภาพที่ต้องการมาทำเป็นปก เมื่อได้ภาพแล้ว คลกิปุ่ม open

3. ปรับภาพให้ได้ตามขนาดที่ต้องการแล้วนำมาวางไว้ทางด้าน ขวามือ


การทำให้ปกหน้าโปร่งใส

1. คลิกเลือกเมนูTools --> เลือก Book Transparency จะพบหน้าต่าง Book  Transparency Setting

2. ให้ใส่เครื่องหมาย   ในช่อง With Transparency หลังจากนั้นให้คลิก Select เลือก
กำหนดสีที่ต้องการให้มีคุณสมบัติโปร่งใส หลังจากนั้น คลิกเลือก OK

3. ที่กล่องเครื่องมือ Insert เลือกเครื่องมือ Insert box จะปรากฏ dialog Box สีขึ้นมาให้เลือกสีเดียวกับที่กำหนดไว้ใน Transparency Colour หลังจากนั้นคลิก OK

4. ขยายกล่องสีให้เต็มหน้ากระดาษทางด้านซ้ายมือ เพื่อทำให้กลายเป็นพื้นที่โปร่งใส

การเพิ่ม/ลบหน้ากระดาษ

1. ที่กล่องเครื่องมือ Pages เลือกที่รูปเครื่องหมาย + เพื่อเพิ่มจำนวนหน้า และเครื่องหมาย - เพื่อลบ
จำนวนหน้า
  


จะมีตัวเลขแสดงเลขหน้าและจำนวนหน้าที่เพิ่มหรือลบทางด้านล่างของจอภาพ

การใส่สีหน้ากระดาษ

          การพิมพ์ข้อความในหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เราจะเว้นหน้าที่  2 ไว้สำหรับทำสารบัญ
ซึ่งจะทำหลังจากที่พิมพ์เนื้อหาเรียบร้อยแล้ว ในที่นี้เราจะเลือกกำหนดใส่สีหน้ากระดาษสีเดียวกัน
ทั้งเล่ม

1. เลือกกำหนดค่าที่ เมนู  Properties จะปรากฏหน้าต่าง  Book Properties


 2. คลิกเลือก Select Paper Colour เพื่อกำหนดสีให้หน้ากระดาษทั้งเล่ม
3. จะปรากฏกล่องสีให้เราเลือกสีที่ต้องการจากนั้นคลิก OK

 การใส่สีให้กับหน้ากระดาษเพียงหน้าเดียว
          1. หากเราต้องการใส่สีให้กับหน้ากระดาษเพียงหน้าเดียว หรือกำหนดให้แต่ละหน้ามีสีต่างกัน ให้เลือกที่กล่อง เครื่องมือ Insert --> Insert Box แล้วเลือกสีที่ต้องการ
          2. หลังจากนั้นคลิกขยายให้เต็มหน้ากระดาษ --> คลิกเมาส์ขวา -->เลือก Send to Bottom
จะได้สีหน้ากระดาษตามต้องการ

การบันทึก/เปิดไฟล์หนังสืออิเล็กทรอนิกส์
          1. หากต้องการบันทึกไฟล์หนังสือให้เลือกที่เมนูFile --> Save หรือคลิกที่แถบเครื่องมือ พร้อมใส่ชื่อ ไฟล์ในช่อง Filename และคลกิปุ่ม Save ไฟล์ที่ได้จะมีนามสกุล .dml

2. เมื่อปิดไฟล์หรือโปรแกรมไปแล้ว หากต้องการเปิดไฟล์หนังสือขึ้นมา ให้คลิกที่เมนูFile --> Open หรือ คลิกที่แถบเครื่องมือ  เลือกไฟล์ที่ต้องการเปิด และคลกิปุ่ม Open